วันสำคัญของศาสนาอิสลามจะกำหนดขึ้นโดยการดูจากจันทรคติเป็นเกณฑ์ โดยสามารถจำแนกออกเป็นวันต่างๆ ได้ ดังนี้ (สำนักจุฬาราชมนตรี, 2553: 19-24)
วันอีดิ้ลอัฎฮา เป็นภาษาอาหรับมาจากคำว่า อีด (Eid) แปลว่า รื่นเริง เฉลิมฉลอง และอัฏฮา แปลว่า เชือดสัตว์พลีทาน ดังนั้น วันอีดิ้ลอัฎฮา จึงหมายถึง วันเฉลิมฉลองการเชือดสัตว์เพื่อพลีทาน (กุรบาน) หรือเทศกาลเชือดสัตว์เพื่อชำระล้างจิตใจ จะจัดขึ้นในเดือนที่ 12 ตามปฏิทินของอิสลาม โดยสิ่งที่ควรปฏิบัติในวันนี้ ได้แก่
(1) อาบน้ำ พรมน้ำหอม ใส่เสื้อผ้าที่ดีและสวยที่สุด
(2) รับประทานอาหารเล็กน้อย ก่อนออกไปละหมาดอีดิ้ลฟิตริ่
(3) กล่าวสรรเสริญความเกรียงไกรแห่งอัลลอฮ์
(4) ให้ออกไปยังสถานที่ละหมาดทางหนึ่ง และเดินกลับมาอีกทางหนึ่ง
(5) ให้ละหมาดอีดทั้งสองกลางแจ้ง
(6) ให้อวยพรและขอโทษซึ่งกันและกัน โดยกล่าวว่า “ตะก๊อบบะลัลลอฮุ่ มินนาวะมินกุม”
(7) ให้มีการกิน การดื่ม และรื่นเริงได้ในกรอบของศาสนา
วันตัชรีก หรือ ตัซเรค ตรงกับวันที่ 11, 12 และ 13 ของเดือนซุลฮิจยะห์ เป็นวันที่มีการปฏิบัติอิบาดะห์ (ศาสนากิจ) และเป็นวันรื่นเริง จึงห้ามถือศีลอดในวันดังกล่าว เป็นวันแห่งการกิน การดื่มของชาวอิสลาม
วันอาชูรออ์ ตรงกับวันที่ 10 ของเดือนมุฮัรรอม เป็นวันที่ท่านศาสดามุฮัมมัดได้ถือศีลอด และส่งเสริมให้ชาวมุสลิมปฏิบัติตาม รวมทั้งให้ถือศีลอดในวันที่ 9 มุฮัรรอมอีกหนึ่งวัน
วันเมาลิดนบี หรือวันคล้ายวันเกิดของท่านศาสดามุฮัมมัด ตรงกับวันจันทร์ที่ 12 เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล หรือวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.1114 ซึ่งท่านได้เสียชีวิตในวันจันทร์ที่ 12 เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล ฮ.ศ.11 ตรงกับวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.1176 รวมอายุได้ 63 ปี
วันเมี๊ยะราจ ตรงกับวันที่ 23 ของเดือนร่อญับ เป็นวันที่ท่านศาสดามุฮัมมัดได้เดินทางจากนครมักกะห์ไปยังมัสยิดอัลอักซอ กรุงเยซาเล็ม ประเทศปาเลสไตน์ หลังจากนั้นได้ขึ้นไปยังฟ้าชั้นที่ 7 เพื่อรับโองการการละหมาด 5 เวลา จากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
6. วันอีดิ้ลฟิตริ เป็นวันรื่นเริงในการครบรอบเข้าสู่สภาพเดิม หรือเทศกาลของการเข้าสู่สภาพเดิม คือ สภาพที่ไม่ต้องอดอาหาร ในระหว่างเดือนรอมฎอน ซึ่งชาวมุสลิมจะถือศีลอดเป็นเวลา 1 เดือน บางคนจึงเรียกว่า ถือบวช ดังนั้น วันอีดิ้ลฟิตริ จึงเป็นวันรื่นเริงที่กลับสู่สภาพเดิม คือ ไม่ต้องถือบวช หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันออกบวช หรือ วันอีดเล็ก

ภาพบรรยากาศวันอีดิ้ลฟิตริ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย

ที่มา: New Muslim Thailand (2559)

วันสำคัญของศาสนาอิสลามจะกำหนดขึ้นโดยการดูจากจันทรคติเป็นเกณฑ์ โดยสามารถจำแนกออกเป็นวันต่างๆ ได้ ดังนี้ (สำนักจุฬาราชมนตรี, 2553: 19-24)
วันอีดิ้ลอัฎฮา เป็นภาษาอาหรับมาจากคำว่า อีด (Eid) แปลว่า รื่นเริง เฉลิมฉลอง และอัฏฮา แปลว่า เชือดสัตว์พลีทาน ดังนั้น วันอีดิ้ลอัฎฮา จึงหมายถึง วันเฉลิมฉลองการเชือดสัตว์เพื่อพลีทาน (กุรบาน) หรือเทศกาลเชือดสัตว์เพื่อชำระล้างจิตใจ จะจัดขึ้นในเดือนที่ 12 ตามปฏิทินของอิสลาม โดยสิ่งที่ควรปฏิบัติในวันนี้ ได้แก่
(1) อาบน้ำ พรมน้ำหอม ใส่เสื้อผ้าที่ดีและสวยที่สุด
(2) รับประทานอาหารเล็กน้อย ก่อนออกไปละหมาดอีดิ้ลฟิตริ่
(3) กล่าวสรรเสริญความเกรียงไกรแห่งอัลลอฮ์
(4) ให้ออกไปยังสถานที่ละหมาดทางหนึ่ง และเดินกลับมาอีกทางหนึ่ง
(5) ให้ละหมาดอีดทั้งสองกลางแจ้ง
(6) ให้อวยพรและขอโทษซึ่งกันและกัน โดยกล่าวว่า “ตะก๊อบบะลัลลอฮุ่ มินนาวะมินกุม”
(7) ให้มีการกิน การดื่ม และรื่นเริงได้ในกรอบของศาสนา
วันตัชรีก หรือ ตัซเรค ตรงกับวันที่ 11, 12 และ 13 ของเดือนซุลฮิจยะห์ เป็นวันที่มีการปฏิบัติอิบาดะห์ (ศาสนากิจ) และเป็นวันรื่นเริง จึงห้ามถือศีลอดในวันดังกล่าว เป็นวันแห่งการกิน การดื่มของชาวอิสลาม
วันอาชูรออ์ ตรงกับวันที่ 10 ของเดือนมุฮัรรอม เป็นวันที่ท่านศาสดามุฮัมมัดได้ถือศีลอด และส่งเสริมให้ชาวมุสลิมปฏิบัติตาม รวมทั้งให้ถือศีลอดในวันที่ 9 มุฮัรรอมอีกหนึ่งวัน
วันเมาลิดนบี หรือวันคล้ายวันเกิดของท่านศาสดามุฮัมมัด ตรงกับวันจันทร์ที่ 12 เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล หรือวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.1114 ซึ่งท่านได้เสียชีวิตในวันจันทร์ที่ 12 เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล ฮ.ศ.11 ตรงกับวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.1176 รวมอายุได้ 63 ปี
วันเมี๊ยะราจ ตรงกับวันที่ 23 ของเดือนร่อญับ เป็นวันที่ท่านศาสดามุฮัมมัดได้เดินทางจากนครมักกะห์ไปยังมัสยิดอัลอักซอ กรุงเยซาเล็ม ประเทศปาเลสไตน์ หลังจากนั้นได้ขึ้นไปยังฟ้าชั้นที่ 7 เพื่อรับโองการการละหมาด 5 เวลา จากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
6. วันอีดิ้ลฟิตริ เป็นวันรื่นเริงในการครบรอบเข้าสู่สภาพเดิม หรือเทศกาลของการเข้าสู่สภาพเดิม คือ สภาพที่ไม่ต้องอดอาหาร ในระหว่างเดือนรอมฎอน ซึ่งชาวมุสลิมจะถือศีลอดเป็นเวลา 1 เดือน บางคนจึงเรียกว่า ถือบวช ดังนั้น วันอีดิ้ลฟิตริ จึงเป็นวันรื่นเริงที่กลับสู่สภาพเดิม คือ ไม่ต้องถือบวช หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันออกบวช หรือ วันอีดเล็ก

ภาพบรรยากาศวันอีดิ้ลฟิตริ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย

ที่มา: New Muslim Thailand (2559)