คำสอน (หลักศรัทธา 6 ประการ)
คัมภีร์สูงสุดของศาสนาอิสลาม คือ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เป็นพระดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ประทานผ่านญิบรออีล ให้แก่ท่านศาสดามุฮัมมัด เพื่อถ่ายทอดมายังมนุษย์ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับแบ่งเป็น ๓๐ ภาค (เรียกว่า ญุซอ์) ซึ่งมีบทต่างๆ (เรียกว่า ซูเราะห์) จำวน ๑๑๔ บท แต่ละบทมีชื่อเรียกตามเนื้อหาและประกอบด้วยวรรค (ที่เรียกว่า อายะฮ์) จำนวน ๖,๒๓๖ วรรค มุสลิมถือว่าทุกคำทุกตัวอักษรของคัมภีร์มาจากอัลลอฮ์ และเป็นความจริงที่บริสุทธิ์และเป็นธรรมนูญสำหรับชีวิต นอกจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานแล้ว ยังถือว่าอัลฮะดีษซึ่งเป็นโอวาท และจริยวัตรของท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นแบบแผนในการประพฤติปฏิบัติตนอันดีงามอีกด้วย
หลักคำสอนที่สำคัญของศาสนาอิสลามปรากฏในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานและอัลฮะดีษ กล่าวถึง หลักศรัทธา ๖ ประการ หลักปฏิบัติ ๕ ประการ ซึ่งชาวมุสลิมยึดถือปฏิบัติ
1 ศรัทธาในอัลลอฮ์ มุสลิมศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว คือ อัลลอฮ์ และยึดมั่นว่าพระองค์ทรงบันดาลทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเองโดยลำพัง พระองค์ทรงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุด ทรงเอกสิทธิในการปกครอง และการบริหาร ทรงเป็นที่พึ่งของทุกสรรพสิ่ง ทรงกำหนดการดำเนินชีวิตของมนุษย์และสัตว์ รวมทั้ง สรรพสิ่งทั้งมวล ทั้งเชื่อว่าเมื่อมนุษย์มีความศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างจริงใจ คำวิงวอนของมนุษย์ย่อมได้รับการตอบสนองจากพระเจ้า มุสลิมแต่ละคนสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้โดยตรง เช่น โดยการขอพร (ดุอาอ์) และโดย การกระทำนมัสการ (ละหมาด) เป็นต้น
2 ศรัทธาในมะลาอิกะฮ์ อัลลอฮ์ ทรงสร้างมะลาอิกะฮ์ (เทวทูต หรือ ทูตสวรรค์) ขึ้นทำหน้าที่ตามพระบัญชาของพระองค์มะลาอิกะฮ์ เป็นเทพไร้ตัวตน ไม่มีเพศ ไม่กินไม่นอน ไม่มีคู่ครอง ไม่มีบุตร สามารถจำแลงร่างได้ทุกอย่าง มีความบริสุทธิ์จากความผิดบาปทั้งปวง ไม่มีตัณหา พระองค์อัลลอฮ์ทรงสร้าง มะลาอิกะฮ์จำนวนมากเพื่อรับใช้ตามหน้าที่แตกต่างกันไป และมีชื่อเรียกต่างๆ กัน
3 ศรัทธาในคัมภีร์ พระเจ้าได้ประทานคัมภีร์อันเป็นบัญญัติของพระองค์ผ่านศาสนทูตมาแล้วรวมททั้งสิ้น ๑๐๔ เล่ม แต่ที่สำคัญมี ๔ เล่ม ได้แก่ เตารอฮ์ ซะบูร อินญีลและอัลกุรอาน ซึ่งเป็นคัมภีร์ฉบับสุดท้ายที่พระเจ้าประทานให้แก่ท่านนบีมุฮัมมัด โดยผ่านศาสนทูตญิบรออีล และเป็นคัมภีร์ที่ยังมีเนื้อหาสาระคงเดิมทุกประการ ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
4 ศรัทธาต่อศาสนทูต ศาสนทูต หรือรอซู้ล ศาสนทูตเป็นผู้ที่แจ้งให้มนุษย์รับรู้ผลอันเป็นรางวัลของการทำดี และโทษอันได้รับจากการทำชั่ว โดยอาศัยคำสั่งสอนและบัญญัติต่างๆ ของพระเจ้าในคัมภีร์เป็นแนวทางศาสนทูต จึงเป็นคนธรรมดาที่พระเจ้าทรงเลือกเพื่อให้เป็นตัวอย่างในการประพฤติปฏิบัติตนตาม แต่ศาสนทูต ต้องมีคุณสมบัติพิเศษกว่าบุคคลอื่น ๔ ประการ คือ ๑) ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่วางใจของบุคคลทั่วไป ไม่คดโกง ไม่ตระบัดสัตย์ ๒) มีสัจจะ พูดจริงทำจริง ไม่โกหก ไม่หลอกลวงใคร ๓) มีสติปัญญาเป็น อัจฉริยะ ๔) ทำหน้าที่เผยแผ่บัญญัติจากพระเจ้าแก่คนทั่วไปโดยไม่ปิดบัง ด้วยความตั้งใจสูง มีมานะอดทน เพียรพยายาม ไม่ย่อท้อต่อการขัดขวางของผู้ใดทั้งสิ้น ศาสนทูตที่ปรากฏในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน มีจำนวน ๒๕ ท่าน โดยมีอาดัมเป็นศาสนทูตคนแรก และท่านนบีมุฮัมมัด เป็นคนสุดท้าย
5 ศรัทธาในวันสิ้นโลก มุสลิมต้องศรัทธาว่า โลกนี้พระเจ้าสร้างขึ้นชั่วคราว และต้องดับสลาย ไม่วันใดวันหนึ่ง และพระเจ้าจะพิพากษาความดี ความชั่วของมนุษย์ ทุกคนควรเตรียมพร้อมที่จะทำความดี หลีกเลี่ยงความชั่ว เมื่อวันพิพากษามาถึง ผู้ที่ทำความดีย่อมมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในโลกหน้าตามความปรารถนา ศรัทธาในกฎแห่งสภาวการณ์ พระเจ้าเป็นผู้กำหนดสภาวะทางธรรมชาติและการดำเนินชีวิตของมนุษย์ อุปสรรคต่างๆ ที่มนุษย์ต้องเผชิญจะทำให้มนุษย์แข็งแกร่ง แก้ปัญหาต่างๆ ได้ การประสบภัยแห่งชีวิตและความเดือดร้อน จึงเป็นเพียงข้อทดสอบของพระเจ้าเพื่อหล่อหลอมชีวิตมนุษย์ให้เข้มแข็ง

หลักปฏิบัติ 5 ประการ
เป็นหลักพื้นฐานที่มุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติ ประกอบด้วย
1 การปฏิญาณตน การเป็นมุสลิมจะต้องกล่าวคำปฏิญาณตนอย่างเปิดเผย ชัดเจนและ ศรัทธาเลื่อมใสอย่างแท้จริง คำกล่าวปฏิญาณตน คือ “ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์ และมุฮัมมัด เป็นศาสนทูตของพระองค์”
2 การละหมาด คือ การแสดงความเคารพต่ออัลลอฮ์ ทั่งจิตใจ วาจาและร่างกาย พร้อมกัน และต้องปฏิบัติละหมาดวันละ ๕ ครั้ง ได้แก่ ช่วงเช้าก่อนแสงอรุณขึ้น ช่วงเที่ยง ช่วงบ่ายคล้อย ช่วงเย็นดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า และช่วงค่ำ เมื่อจิตใจสำรวมอยู่กับพระเจ้าระลึกถึงแต่พระองค์ก็ไม่มีโอกาสทำความชั่ว ความผิด หรือฝืนบทบัญญัติ
3 การจ่ายซะกาต คือ ทรัพย์สินจำนวนหนึ่งที่มุสลิมจะต้องจ่ายให้บุคคลผู้มีสิทธิ์รับเป็นประจำ เมื่อครบรอบปีตามอัตรากฎหมายอิสลามกำหนด เพื่อเป็นศาสนทานให้แก่คนยากจน เด็กกำพร้า ผู้เริ่มเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม และคนเดินทาง ในประเทศไทยนิยมจ่ายชะกาตเป็นข้าวสาร แต่ถ้าเป็นจำนวนเงินหรือทองคำ จะจ่ายในอัตราร้อยละ ๒.๕ ของทรัพย์สินมีค่านั้น
4 การถือศีลอด – ถือบวช หมายถึง การงดเว้น การระงับ การหักห้ามตัวเอง กระทำทุกวัน เฉพาะในเดือนรอมฎอน เดือนที่ ๙ ทางจันทรคติแห่งปีอิสลาม เริ่มตั้งแต่เวลาแสงอรุณขึ้นจนถึงตะวันตกดิน เป็นการขัดเกลากิเลส ฝึกความอดทนและความซื่อสัตย์ การประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครมักกะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ครึ่งหนึ่งในชีวิตของ มุสลิมที่มีความพร้อมทั่งร่างกายและการเงินจะเดินทางไปทำพิธีตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด กำหนดตั้งแต่วันที่ ๘ – ๑๓ เดือน ๑๒ ตามปฏิทินอิสลาม

คำสอน (หลักศรัทธา 6 ประการ)
คัมภีร์สูงสุดของศาสนาอิสลาม คือ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เป็นพระดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ประทานผ่านญิบรออีล ให้แก่ท่านศาสดามุฮัมมัด เพื่อถ่ายทอดมายังมนุษย์ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับแบ่งเป็น ๓๐ ภาค (เรียกว่า ญุซอ์) ซึ่งมีบทต่างๆ (เรียกว่า ซูเราะห์) จำวน ๑๑๔ บท แต่ละบทมีชื่อเรียกตามเนื้อหาและประกอบด้วยวรรค (ที่เรียกว่า อายะฮ์) จำนวน ๖,๒๓๖ วรรค มุสลิมถือว่าทุกคำทุกตัวอักษรของคัมภีร์มาจากอัลลอฮ์ และเป็นความจริงที่บริสุทธิ์และเป็นธรรมนูญสำหรับชีวิต นอกจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานแล้ว ยังถือว่าอัลฮะดีษซึ่งเป็นโอวาท และจริยวัตรของท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นแบบแผนในการประพฤติปฏิบัติตนอันดีงามอีกด้วย
หลักคำสอนที่สำคัญของศาสนาอิสลามปรากฏในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานและอัลฮะดีษ กล่าวถึง หลักศรัทธา ๖ ประการ หลักปฏิบัติ ๕ ประการ ซึ่งชาวมุสลิมยึดถือปฏิบัติ
1 ศรัทธาในอัลลอฮ์ มุสลิมศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว คือ อัลลอฮ์ และยึดมั่นว่าพระองค์ทรงบันดาลทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเองโดยลำพัง พระองค์ทรงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุด ทรงเอกสิทธิในการปกครอง และการบริหาร ทรงเป็นที่พึ่งของทุกสรรพสิ่ง ทรงกำหนดการดำเนินชีวิตของมนุษย์และสัตว์ รวมทั้ง สรรพสิ่งทั้งมวล ทั้งเชื่อว่าเมื่อมนุษย์มีความศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างจริงใจ คำวิงวอนของมนุษย์ย่อมได้รับการตอบสนองจากพระเจ้า มุสลิมแต่ละคนสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้โดยตรง เช่น โดยการขอพร (ดุอาอ์) และโดย การกระทำนมัสการ (ละหมาด) เป็นต้น
2 ศรัทธาในมะลาอิกะฮ์ อัลลอฮ์ ทรงสร้างมะลาอิกะฮ์ (เทวทูต หรือ ทูตสวรรค์) ขึ้นทำหน้าที่ตามพระบัญชาของพระองค์มะลาอิกะฮ์ เป็นเทพไร้ตัวตน ไม่มีเพศ ไม่กินไม่นอน ไม่มีคู่ครอง ไม่มีบุตร สามารถจำแลงร่างได้ทุกอย่าง มีความบริสุทธิ์จากความผิดบาปทั้งปวง ไม่มีตัณหา พระองค์อัลลอฮ์ทรงสร้าง มะลาอิกะฮ์จำนวนมากเพื่อรับใช้ตามหน้าที่แตกต่างกันไป และมีชื่อเรียกต่างๆ กัน
3 ศรัทธาในคัมภีร์ พระเจ้าได้ประทานคัมภีร์อันเป็นบัญญัติของพระองค์ผ่านศาสนทูตมาแล้วรวมททั้งสิ้น ๑๐๔ เล่ม แต่ที่สำคัญมี ๔ เล่ม ได้แก่ เตารอฮ์ ซะบูร อินญีลและอัลกุรอาน ซึ่งเป็นคัมภีร์ฉบับสุดท้ายที่พระเจ้าประทานให้แก่ท่านนบีมุฮัมมัด โดยผ่านศาสนทูตญิบรออีล และเป็นคัมภีร์ที่ยังมีเนื้อหาสาระคงเดิมทุกประการ ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
4 ศรัทธาต่อศาสนทูต ศาสนทูต หรือรอซู้ล ศาสนทูตเป็นผู้ที่แจ้งให้มนุษย์รับรู้ผลอันเป็นรางวัลของการทำดี และโทษอันได้รับจากการทำชั่ว โดยอาศัยคำสั่งสอนและบัญญัติต่างๆ ของพระเจ้าในคัมภีร์เป็นแนวทางศาสนทูต จึงเป็นคนธรรมดาที่พระเจ้าทรงเลือกเพื่อให้เป็นตัวอย่างในการประพฤติปฏิบัติตนตาม แต่ศาสนทูต ต้องมีคุณสมบัติพิเศษกว่าบุคคลอื่น ๔ ประการ คือ ๑) ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่วางใจของบุคคลทั่วไป ไม่คดโกง ไม่ตระบัดสัตย์ ๒) มีสัจจะ พูดจริงทำจริง ไม่โกหก ไม่หลอกลวงใคร ๓) มีสติปัญญาเป็น อัจฉริยะ ๔) ทำหน้าที่เผยแผ่บัญญัติจากพระเจ้าแก่คนทั่วไปโดยไม่ปิดบัง ด้วยความตั้งใจสูง มีมานะอดทน เพียรพยายาม ไม่ย่อท้อต่อการขัดขวางของผู้ใดทั้งสิ้น ศาสนทูตที่ปรากฏในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน มีจำนวน ๒๕ ท่าน โดยมีอาดัมเป็นศาสนทูตคนแรก และท่านนบีมุฮัมมัด เป็นคนสุดท้าย
5 ศรัทธาในวันสิ้นโลก มุสลิมต้องศรัทธาว่า โลกนี้พระเจ้าสร้างขึ้นชั่วคราว และต้องดับสลาย ไม่วันใดวันหนึ่ง และพระเจ้าจะพิพากษาความดี ความชั่วของมนุษย์ ทุกคนควรเตรียมพร้อมที่จะทำความดี หลีกเลี่ยงความชั่ว เมื่อวันพิพากษามาถึง ผู้ที่ทำความดีย่อมมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในโลกหน้าตามความปรารถนา ศรัทธาในกฎแห่งสภาวการณ์ พระเจ้าเป็นผู้กำหนดสภาวะทางธรรมชาติและการดำเนินชีวิตของมนุษย์ อุปสรรคต่างๆ ที่มนุษย์ต้องเผชิญจะทำให้มนุษย์แข็งแกร่ง แก้ปัญหาต่างๆ ได้ การประสบภัยแห่งชีวิตและความเดือดร้อน จึงเป็นเพียงข้อทดสอบของพระเจ้าเพื่อหล่อหลอมชีวิตมนุษย์ให้เข้มแข็ง

หลักปฏิบัติ 5 ประการ
เป็นหลักพื้นฐานที่มุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติ ประกอบด้วย
1 การปฏิญาณตน การเป็นมุสลิมจะต้องกล่าวคำปฏิญาณตนอย่างเปิดเผย ชัดเจนและ ศรัทธาเลื่อมใสอย่างแท้จริง คำกล่าวปฏิญาณตน คือ “ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์ และมุฮัมมัด เป็นศาสนทูตของพระองค์”
2 การละหมาด คือ การแสดงความเคารพต่ออัลลอฮ์ ทั่งจิตใจ วาจาและร่างกาย พร้อมกัน และต้องปฏิบัติละหมาดวันละ ๕ ครั้ง ได้แก่ ช่วงเช้าก่อนแสงอรุณขึ้น ช่วงเที่ยง ช่วงบ่ายคล้อย ช่วงเย็นดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า และช่วงค่ำ เมื่อจิตใจสำรวมอยู่กับพระเจ้าระลึกถึงแต่พระองค์ก็ไม่มีโอกาสทำความชั่ว ความผิด หรือฝืนบทบัญญัติ
3 การจ่ายซะกาต คือ ทรัพย์สินจำนวนหนึ่งที่มุสลิมจะต้องจ่ายให้บุคคลผู้มีสิทธิ์รับเป็นประจำ เมื่อครบรอบปีตามอัตรากฎหมายอิสลามกำหนด เพื่อเป็นศาสนทานให้แก่คนยากจน เด็กกำพร้า ผู้เริ่มเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม และคนเดินทาง ในประเทศไทยนิยมจ่ายชะกาตเป็นข้าวสาร แต่ถ้าเป็นจำนวนเงินหรือทองคำ จะจ่ายในอัตราร้อยละ ๒.๕ ของทรัพย์สินมีค่านั้น
4 การถือศีลอด – ถือบวช หมายถึง การงดเว้น การระงับ การหักห้ามตัวเอง กระทำทุกวัน เฉพาะในเดือนรอมฎอน เดือนที่ ๙ ทางจันทรคติแห่งปีอิสลาม เริ่มตั้งแต่เวลาแสงอรุณขึ้นจนถึงตะวันตกดิน เป็นการขัดเกลากิเลส ฝึกความอดทนและความซื่อสัตย์ การประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครมักกะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ครึ่งหนึ่งในชีวิตของ มุสลิมที่มีความพร้อมทั่งร่างกายและการเงินจะเดินทางไปทำพิธีตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด กำหนดตั้งแต่วันที่ ๘ – ๑๓ เดือน ๑๒ ตามปฏิทินอิสลาม