นิกายใหญ่ ๆ ในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู มี ๔ นิกาย ซึ่งในแต่ละนิกายก็มีการนับถือศาสนาวัตถุที่แตกต่างกัน ดังนี้
(1) นิกายไศวะ ถือพระศิวะเป็นใหญ่ และนับถือพระนารายณ์ พระพรหม และเทพอื่นๆ ด้วย
(2) นิกายไวษณพ ถือพระนารายณ์เป็นใหญ่และนับถือ พระศิวะ พระพรหมและเทวดาอื่นๆ ด้วย
(3) นิกายศากติ ถือว่าพระแม่อาทิศักตี หรือพระแม่ปราศักตีเป็นใหญ่ องค์เทวีทั้งปวงเป็นปางของพระแม่อาทิศักตี หรือพระแม่ปราดักตีนั่นเอง และนับถือพระพรหม พระนารายณ์ พระศิวะ และองค์เทพอื่นๆ ด้วย
(4) นิกายสมารต ถือห้าพระองค์ด้วยกัน คือ พระพิฆเนศวร พระแม่ภวานิ คือ พระแม่อาทิศักตี พระพรหมา พระนารายณ์ พระศิวะ ไม่มีองค์ใหญ่กว่าโดยเฉพาะ ทั้ง ๔ นิกายนี้ถือว่าเป็นปรมาตมันไม่มีรูป ไม่มีตน เป็นพระเจ้าสูงสุด และพลังของปรมาตมัน คือ พระแม่อาทิศักตี นอกจากนั้นแล้ว ยังมีลัทธิที่แยกจากทั้ง ๔ นิกาย อีกมากมาย แต่ละนิกายมีเทวดาสำหรับบูชาสักการะ มีพระปรมาจารย์ผู้กำเนิดนิกาย ซึ่งทุกนิกายต่างถือว่า ปรมาตมันเป็นพระเจ้าสูงสุด มีตัวอักษรรูปโอม เป็นสัญลักษณ์ สรุปความว่า ไม่ว่าจะมีนิกายมากมายเพียงใดก็ตาม ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งสิ้น
คาสนวัตถุในนิกายดังกล่าว ที่ปรากฏในเทวสถานแต่ละแห่ง ย่อมสืบเนื่องตามคติความเชื่อของแต่ละนิกายเป็นหลัก มีรูปเคารพ ที่แตกต่างกันตามผู้สร้างแต่ละยุคสมัย ซึ่งรวมเอาความนับถือในสัตว์พาหนะของแต่ละพระองค์ด้วย ความเชื่อดั้งเดิมตั้งแต่ยุคพระเวท “พระพรหม” คือพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง กำหนดดวงซะตามนุษย์ แบ่งภาคออก เป็นรูป ๓ หรือพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด ๓ องค์ ได้แก่ พระพรหมธาดา เทพนิรมิตสรรพสิ่ง พระศิวะหรือพระอิศวร เทพผู้ทำลายและทำให้เกิดใหม่ พระวิษณุหรือพระนารายณ์ เทพผู้ปกปกรักษา ทั้ง ๓ องค์รวมกันเรียกรวมว่า ตรีมูรติ สิ่งเคารพที่ กล่าวมา ได้มีการสร้างเป็นรูปเคารพ ในรูปแบบต่างๆ นอกจากเจาะจง เฉพาะเทพเจ้าแล้ว ยังมีเครือญาติที่มีอิทธิฤทธมหิทธาบุภาพยิ่งใหญ่ ที่สร้างคุณูปการแก่มวลมนุษย์ อันเป็นทั้งพระอัครซายา พระโอรส และ ทวยเทพอื่นๆ ที่สถิตปกปกรักษาแผ่นดิน ธรรมซาติ ภูเขา ทะเล มหาสมุทร อันกว้างใหญ่ น่ามาสร้างรูปเคารพเพื่อลักการบูชาด้วย เซ่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระแม่คงคา พระแม่ธรณี เทพประจำจตุรทิศ เป็นอาทิ

นิกายใหญ่ ๆ ในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู มี ๔ นิกาย ซึ่งในแต่ละนิกายก็มีการนับถือศาสนาวัตถุที่แตกต่างกัน ดังนี้
(1) นิกายไศวะ ถือพระศิวะเป็นใหญ่ และนับถือพระนารายณ์ พระพรหม และเทพอื่นๆ ด้วย
(2) นิกายไวษณพ ถือพระนารายณ์เป็นใหญ่และนับถือ พระศิวะ พระพรหมและเทวดาอื่นๆ ด้วย
(3) นิกายศากติ ถือว่าพระแม่อาทิศักตี หรือพระแม่ปราศักตีเป็นใหญ่ องค์เทวีทั้งปวงเป็นปางของพระแม่อาทิศักตี หรือพระแม่ปราดักตีนั่นเอง และนับถือพระพรหม พระนารายณ์ พระศิวะ และองค์เทพอื่นๆ ด้วย
(4) นิกายสมารต ถือห้าพระองค์ด้วยกัน คือ พระพิฆเนศวร พระแม่ภวานิ คือ พระแม่อาทิศักตี พระพรหมา พระนารายณ์ พระศิวะ ไม่มีองค์ใหญ่กว่าโดยเฉพาะ ทั้ง ๔ นิกายนี้ถือว่าเป็นปรมาตมันไม่มีรูป ไม่มีตน เป็นพระเจ้าสูงสุด และพลังของปรมาตมัน คือ พระแม่อาทิศักตี นอกจากนั้นแล้ว ยังมีลัทธิที่แยกจากทั้ง ๔ นิกาย อีกมากมาย แต่ละนิกายมีเทวดาสำหรับบูชาสักการะ มีพระปรมาจารย์ผู้กำเนิดนิกาย ซึ่งทุกนิกายต่างถือว่า ปรมาตมันเป็นพระเจ้าสูงสุด มีตัวอักษรรูปโอม เป็นสัญลักษณ์ สรุปความว่า ไม่ว่าจะมีนิกายมากมายเพียงใดก็ตาม ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งสิ้น
คาสนวัตถุในนิกายดังกล่าว ที่ปรากฏในเทวสถานแต่ละแห่ง ย่อมสืบเนื่องตามคติความเชื่อของแต่ละนิกายเป็นหลัก มีรูปเคารพ ที่แตกต่างกันตามผู้สร้างแต่ละยุคสมัย ซึ่งรวมเอาความนับถือในสัตว์พาหนะของแต่ละพระองค์ด้วย ความเชื่อดั้งเดิมตั้งแต่ยุคพระเวท “พระพรหม” คือพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง กำหนดดวงซะตามนุษย์ แบ่งภาคออก เป็นรูป ๓ หรือพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด ๓ องค์ ได้แก่ พระพรหมธาดา เทพนิรมิตสรรพสิ่ง พระศิวะหรือพระอิศวร เทพผู้ทำลายและทำให้เกิดใหม่ พระวิษณุหรือพระนารายณ์ เทพผู้ปกปกรักษา ทั้ง ๓ องค์รวมกันเรียกรวมว่า ตรีมูรติ สิ่งเคารพที่ กล่าวมา ได้มีการสร้างเป็นรูปเคารพ ในรูปแบบต่างๆ นอกจากเจาะจง เฉพาะเทพเจ้าแล้ว ยังมีเครือญาติที่มีอิทธิฤทธมหิทธาบุภาพยิ่งใหญ่ ที่สร้างคุณูปการแก่มวลมนุษย์ อันเป็นทั้งพระอัครซายา พระโอรส และ ทวยเทพอื่นๆ ที่สถิตปกปกรักษาแผ่นดิน ธรรมซาติ ภูเขา ทะเล มหาสมุทร อันกว้างใหญ่ น่ามาสร้างรูปเคารพเพื่อลักการบูชาด้วย เซ่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระแม่คงคา พระแม่ธรณี เทพประจำจตุรทิศ เป็นอาทิ